DeepSpaceWeb.com ::: Less Glitz. More Content. :::
TH-Education The source of new generation Thai students
TH-Education Close Refresh Back Forward
   Main Menu
 - Home
 - Forums
 - Links
 - Polls
 - Contact
 - Guestbook

 - Chatroom
 - บทความต่างๆ

  Miscellaneous
 - FAQ
 - Download
 - 
Webpage ที่เกี่ยวข้อง
 

   Contact Us
 - nut
 

   Link Me
 
 

 

 
จดหมายถึงนายกฯ โดยเด็กอายุ 17
Last Update Monday, January 29 @ 17:39 by Neerachar <Neerachar@thailand.net>
 สวัสดีค่ะ
หนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่อายุอานามยังไม่ถึงขั้นว่าเลือกตั้งได้ ซึ่งก็แน่นอนหนูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้มากนัก (แต่ควรจะสนใจ กกต. มากกว่าเพราะทำรายงาน บอร์ด และ ออกข้อสอบ) แต่หลังจากที่ได้รัฐบาลนี้มาตามความคาดหมายแล้ว ก็คงต้องขอแสดงความยินดีด้วย
แต่ก็นั่นล่ะคะหนูก็สนใจข่าวบ้านเมืองชนิดว่าไม่ตกข่าว เรื่องเศรษฐกิจประเทศไทย โดยที่ดูแล้วประเทศไทย และประชาชนชาวไทยก็มีคุณภาพพอสมควร แต่เนื่องจากค่านิยมต่างๆนานาที่เยาวชนไทยได้รับการอบรมสั่งสอนมาทำให้ไม่ค่อยมีทั้ง EQ และ IQ โดยที่คนไทยมัวแต่ไปสนใจแต่ความรู้ด้านวิชาการจนลืมปลูกฝังสิ่งดีๆให้กับเยาวชนไทย ยกตัวอย่างก็เช่น
กรณีที่ 1 คนไทยสมัยก่อนจน ต้องหาเลี้ยงชีพก็ต้องใช้เงิน ผู้ปกครองของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จึงมีความคิดว่า"ให้เงินลูกคือการให้ความสุขแก่ลูก" จึงทำให้เด็กขาดความอบอุ่นและขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี (ถึงแม้จะมีพี่เลี้ยง) จึงเกิดปัญหามากมายในปัจจุบัน เพราะเมื่อเด็กไม่ได้รับความอบอุ่นจากที่บ้านแล้วบ้านก็ไม่มีความหมายสำหรับเขาอีกต่อไป จึงได้ออกมาสร้างปัญหาภายนาก ซึ่งจริงๆแล้วทำไมถึงไม่พูดในกรณีการอบรมสั่งสอนที่โรงเรียน ก็ในเมื่อเด็กมีสังคมในบ้านไม่ดี โรงเรียนซึ่งถือว่าเป็นบ้านหลังที่สองของเด็กก็ไร้ความหมาย ก็ในเมื่อผู้ปกครองของตัวเองยังไม่เชื่อฟัง เค้าก็คงไม่ฟังคนอื่นเช่นกัน ทำให้เด็กวัยรุ่นไร้เหตุผล ใช้ตนเป็นใหญ่และไม่รู้จักการดูแลตัวเอง แล้วผู้ใหญในอนาคตจะมีคุณภาพได้อย่างไร........
กรณีที่ 2 การศึกษาในไทย ท่านเชื่อไหมว่าในสมัยนี้ ณ กลางกทม.นี่แหละ....... มีโรงเรียนหนึ่งออกมาประกาศให้นักเรียนทราบโดยทั่วกันว่า "ไม่ว่าสังคมภายนอกจะเป็นอย่างไร แต่ภายใน รร.(ขอสงวนชื่อสถาบัน) ก็ยังเหมือนเดิม" แล้วท่านคิดว่ารร.นี้จะเจริญไหมค่ะ........ ตัวอย่างก็เช่น โครงการจัดทำชมรม Computer ประจำโรงเรียนซึ่งมีคำสั่งจากเบื้องบน(ครูใหญ่) ว่าให้ตั้งเสร็จภายใน 4 ปี(นับจากปีที่แล้ว) และจะปัจจุบันนี้ก็ได้ล่มไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ว่าไม่มีการจัดการที่ดี แต่ไม่มีใครคอยสนับสนุน ทั้งจากทางโรงเรียน ทางครูประจำชั้น(ซึ่งจะกล่าวต่อไป) และตัวนักเรียนเอง คือ

ทางโรงเรียน ไม่มีการจัดตั้งคณะครูมาบริหารงานบริการด้าน Computer ให้แก่เด็ก และครูก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะมาหาความรู้เพิ่มเติม มีเพียงครู 1 คนเท่านั้นที่มาสนใจกับโครงการนี้ (และตอนนี้เค้าก็ได้ลาออกจากโรงเรียนนีไปแล้ว เพราะยอมแพ้ต้อการถูกโขกสับโดยครูเก่าๆ)
ทางครูประจำชั้น และตัวนักเรียนเอง มันเป็นปัญหาลูกโซ่ที่จะตามมา และนี่คือเหตุการณ์จริงที่กล้าเอาตัวเองรับประกัน ทางครูประจำชั้นม.3/* เขียนลงในสมุดพกนักเรียน(ปุ้ม นามสมมุติ)ว่า "ใช้เวลาไปอย่างไร้ค่ากับการศึกษา Computer" ลงในสมุดพกนักเรียนคนหนึ่งซึ่งเค้าไม่เคยทำอะไรผิด และใช้เวลาไปกับการศึกษางานอย่างจริงจัง เหตุผลเพียงแค่ว่าอิจฉาเด็ก!!! แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ยังอยู่ต่อทำงานให้โรงเรียน (งานประกวด Game Computer โดยมีหนูเป็นหัวหน้างานและขณะนี้กำลังดำเนินการทำงานอยู่ ยืนยันได้ที่ www.nectec.or.th การแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 ประเภทประชาชนทั่วไปโปรแกรมเกม NSC3/P/G015 ) จากเหตุการณ์นี้มันทำให้ทั้ง นักเรียนและครูท้อมาก และสุดท้ายก็เหลือสมาชิกชมรมเพียง 3 คน กับครูอีก 1 ท่านที่กำลังจะออกในเร็ววัน และสุดท้ายนักเรียนคนนั้น(ปุ้ม) ก็อยู่ต่อ ม.ปลายที่โรงเรียนไม่ได้เนื่องจากคะแนนไม่ถึง ซึ่งยังมีเหตุการณ์อย่างอื่นอีกทำให้ต้องตัดสินใจย้ายตัวเองไปเรียนที่ภูเก็ต ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เคยเกิดขึ้นกับหนูมาแล้ว เนื่องจากปีที่แล้ว ก็กรณีเดียวกันเกรดไม่ถึง(แต่ก็ไม่ตกต่ำเท่าปุ้ม)จึงต้องมีการเข้าไปขอร้องครูฝ่ายปกครอง ขอให้ตัวเองได้อยู่ต่อ พอเข้าไปแล้ว ครูท่านบอกว่า "นักเรียนถ้าอยู่ต่อแล้วต้องทำเกรดเฉลี่ยให้ได้ 2 ขึ้นไปนะหนู เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน และเวลาสอบEnt ก็ต้องสอบให้ได้นะเพราะมันส่งผลกระทบต่อหน้าตาโรงเรียน" (ผลต่อจิตวิทยาเด็กก็คือ ไม่อยากเรียนมันแล้วที่นี่) พอหลังจากนั้นโรงเรียน ก็เปิด แผนการเรียนที่ 4 มา ศิลป์-สังคม แต่ด้วยEGOของหนูที่ได้รับการสั่งสอนมาว่าอย่าไปยอมแพ้แม้เราจะเรียนไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะน้อยหน้าเขา....... ผลการเรียน 2 เทอมที่ปรากฏออกมาคือตก ฝรั่งเศส รวด 2เทอม และห้ามย้ายแผนการเรียนด้วย (หนูทราบค่ะ ว่ามันมีผลต่อ GPA) อ้อ ขอบอกผ่านไปนะคะ ว่าให้เลิกเถอะค่ะการที่มีสมุดจดความดี มันเหมือนการทำความดีเพื่อเอาหน้า(และรางวัล)ซึ่งมันไม่ได้มาจากใจเด็กเลยจริงๆ โปรดอย่าให้เด็กไทยคนไหนต้องเป็นเหมือนหนูเลยค่ะ
กรณีที่ 3 การประเมินผล นะค่ะ ทุกระบบเกิดที่อเมริกา เติบโตที่ญี่ปุ่น และ มาตายในไทย.......... เช่น การประเมินผลในองค์กร ควรจะมีแบบการประเมินผลจาก บนลงล่างและล่างขึ้นบน ซึ่งทุกระบบมาตายในไทยที่ไม่ยอมให้มีการประเมินเจ้านายโดยลูกน้องทวนขึ้นไปอีกรอบ ดังนั่น ระบบราชการและก็การบริหารอื่นๆ มันถึงไม่สำเร็จ เพราะไม่มีการยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน ใช้อำนาจเป็นใหญ่การปกครองถึงไปไม่รอด
กรณีที่ 4 (สุดท้ายแล้วค่ะ) การทำงานที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากคนไทยไม่มีระเบียบวินัยในการทำงาน ทำบ้าง ไม่ทำบ้าง นอกจากงานตัวเองไม่เสร็จแล้วก็ยังส่งผลกระทบต่อคนอื่นด้วยและเป็นปัญหาลูกโซ่ต่อไป.....................
ก็อย่างที่ยกตัวอย่างนะคะ มันอาจจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ

จดหมายถึงนายกฯ โดยเด็กอายุ 17 ( comments? )

Thank to  Tripod  Fastcounter by bCentral  Power by Thaimisc.com