|
|
|
สวัสดีค่ะ
หนูก็แค่เด็กคนหนึ่งที่อายุอานามยังไม่ถึงขั้นว่าเลือกตั้งได้
ซึ่งก็แน่นอนหนูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้มากนัก
(แต่ควรจะสนใจ กกต. มากกว่าเพราะทำรายงาน บอร์ด และ
ออกข้อสอบ)
แต่หลังจากที่ได้รัฐบาลนี้มาตามความคาดหมายแล้ว
ก็คงต้องขอแสดงความยินดีด้วย
แต่ก็นั่นล่ะคะหนูก็สนใจข่าวบ้านเมืองชนิดว่าไม่ตกข่าว
เรื่องเศรษฐกิจประเทศไทย โดยที่ดูแล้วประเทศไทย
และประชาชนชาวไทยก็มีคุณภาพพอสมควร
แต่เนื่องจากค่านิยมต่างๆนานาที่เยาวชนไทยได้รับการอบรมสั่งสอนมาทำให้ไม่ค่อยมีทั้ง
EQ และ IQ
โดยที่คนไทยมัวแต่ไปสนใจแต่ความรู้ด้านวิชาการจนลืมปลูกฝังสิ่งดีๆให้กับเยาวชนไทย
ยกตัวอย่างก็เช่น
กรณีที่ 1 คนไทยสมัยก่อนจน
ต้องหาเลี้ยงชีพก็ต้องใช้เงิน
ผู้ปกครองของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จึงมีความคิดว่า"ให้เงินลูกคือการให้ความสุขแก่ลูก"
จึงทำให้เด็กขาดความอบอุ่นและขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี
(ถึงแม้จะมีพี่เลี้ยง) จึงเกิดปัญหามากมายในปัจจุบัน
เพราะเมื่อเด็กไม่ได้รับความอบอุ่นจากที่บ้านแล้วบ้านก็ไม่มีความหมายสำหรับเขาอีกต่อไป
จึงได้ออกมาสร้างปัญหาภายนาก
ซึ่งจริงๆแล้วทำไมถึงไม่พูดในกรณีการอบรมสั่งสอนที่โรงเรียน
ก็ในเมื่อเด็กมีสังคมในบ้านไม่ดี
โรงเรียนซึ่งถือว่าเป็นบ้านหลังที่สองของเด็กก็ไร้ความหมาย
ก็ในเมื่อผู้ปกครองของตัวเองยังไม่เชื่อฟัง
เค้าก็คงไม่ฟังคนอื่นเช่นกัน
ทำให้เด็กวัยรุ่นไร้เหตุผล
ใช้ตนเป็นใหญ่และไม่รู้จักการดูแลตัวเอง แล้วผู้ใหญในอนาคตจะมีคุณภาพได้อย่างไร........
กรณีที่ 2 การศึกษาในไทย ท่านเชื่อไหมว่าในสมัยนี้ ณ
กลางกทม.นี่แหละ.......
มีโรงเรียนหนึ่งออกมาประกาศให้นักเรียนทราบโดยทั่วกันว่า
"ไม่ว่าสังคมภายนอกจะเป็นอย่างไร แต่ภายใน รร.(ขอสงวนชื่อสถาบัน)
ก็ยังเหมือนเดิม" แล้วท่านคิดว่ารร.นี้จะเจริญไหมค่ะ........
ตัวอย่างก็เช่น โครงการจัดทำชมรม Computer
ประจำโรงเรียนซึ่งมีคำสั่งจากเบื้องบน(ครูใหญ่)
ว่าให้ตั้งเสร็จภายใน 4 ปี(นับจากปีที่แล้ว)
และจะปัจจุบันนี้ก็ได้ล่มไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่ว่าไม่มีการจัดการที่ดี
แต่ไม่มีใครคอยสนับสนุน ทั้งจากทางโรงเรียน
ทางครูประจำชั้น(ซึ่งจะกล่าวต่อไป)
และตัวนักเรียนเอง คือ
ทางโรงเรียน
ไม่มีการจัดตั้งคณะครูมาบริหารงานบริการด้าน
Computer ให้แก่เด็ก
และครูก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะมาหาความรู้เพิ่มเติม
มีเพียงครู 1 คนเท่านั้นที่มาสนใจกับโครงการนี้
(และตอนนี้เค้าก็ได้ลาออกจากโรงเรียนนีไปแล้ว
เพราะยอมแพ้ต้อการถูกโขกสับโดยครูเก่าๆ)
ทางครูประจำชั้น และตัวนักเรียนเอง
มันเป็นปัญหาลูกโซ่ที่จะตามมา
และนี่คือเหตุการณ์จริงที่กล้าเอาตัวเองรับประกัน
ทางครูประจำชั้นม.3/* เขียนลงในสมุดพกนักเรียน(ปุ้ม
นามสมมุติ)ว่า "ใช้เวลาไปอย่างไร้ค่ากับการศึกษา
Computer"
ลงในสมุดพกนักเรียนคนหนึ่งซึ่งเค้าไม่เคยทำอะไรผิด
และใช้เวลาไปกับการศึกษางานอย่างจริงจัง
เหตุผลเพียงแค่ว่าอิจฉาเด็ก!!!
แต่ถึงกระนั้นเค้าก็ยังอยู่ต่อทำงานให้โรงเรียน
(งานประกวด Game Computer
โดยมีหนูเป็นหัวหน้างานและขณะนี้กำลังดำเนินการทำงานอยู่
ยืนยันได้ที่ www.nectec.or.th
การแข่งขันพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย
ครั้งที่ 3 ประเภทประชาชนทั่วไปโปรแกรมเกม
NSC3/P/G015 ) จากเหตุการณ์นี้มันทำให้ทั้ง
นักเรียนและครูท้อมาก
และสุดท้ายก็เหลือสมาชิกชมรมเพียง 3 คน กับครูอีก 1
ท่านที่กำลังจะออกในเร็ววัน
และสุดท้ายนักเรียนคนนั้น(ปุ้ม) ก็อยู่ต่อ
ม.ปลายที่โรงเรียนไม่ได้เนื่องจากคะแนนไม่ถึง
ซึ่งยังมีเหตุการณ์อย่างอื่นอีกทำให้ต้องตัดสินใจย้ายตัวเองไปเรียนที่ภูเก็ต
ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เคยเกิดขึ้นกับหนูมาแล้ว
เนื่องจากปีที่แล้ว
ก็กรณีเดียวกันเกรดไม่ถึง(แต่ก็ไม่ตกต่ำเท่าปุ้ม)จึงต้องมีการเข้าไปขอร้องครูฝ่ายปกครอง
ขอให้ตัวเองได้อยู่ต่อ พอเข้าไปแล้ว ครูท่านบอกว่า
"นักเรียนถ้าอยู่ต่อแล้วต้องทำเกรดเฉลี่ยให้ได้ 2
ขึ้นไปนะหนู เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน และเวลาสอบEnt
ก็ต้องสอบให้ได้นะเพราะมันส่งผลกระทบต่อหน้าตาโรงเรียน"
(ผลต่อจิตวิทยาเด็กก็คือ ไม่อยากเรียนมันแล้วที่นี่)
พอหลังจากนั้นโรงเรียน ก็เปิด แผนการเรียนที่ 4 มา
ศิลป์-สังคม แต่ด้วยEGOของหนูที่ได้รับการสั่งสอนมาว่าอย่าไปยอมแพ้แม้เราจะเรียนไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะน้อยหน้าเขา.......
ผลการเรียน 2 เทอมที่ปรากฏออกมาคือตก ฝรั่งเศส รวด
2เทอม และห้ามย้ายแผนการเรียนด้วย (หนูทราบค่ะ
ว่ามันมีผลต่อ GPA) อ้อ ขอบอกผ่านไปนะคะ
ว่าให้เลิกเถอะค่ะการที่มีสมุดจดความดี
มันเหมือนการทำความดีเพื่อเอาหน้า(และรางวัล)ซึ่งมันไม่ได้มาจากใจเด็กเลยจริงๆ
โปรดอย่าให้เด็กไทยคนไหนต้องเป็นเหมือนหนูเลยค่ะ
กรณีที่ 3 การประเมินผล นะค่ะ ทุกระบบเกิดที่อเมริกา
เติบโตที่ญี่ปุ่น และ มาตายในไทย.......... เช่น
การประเมินผลในองค์กร ควรจะมีแบบการประเมินผลจาก
บนลงล่างและล่างขึ้นบน
ซึ่งทุกระบบมาตายในไทยที่ไม่ยอมให้มีการประเมินเจ้านายโดยลูกน้องทวนขึ้นไปอีกรอบ
ดังนั่น ระบบราชการและก็การบริหารอื่นๆ
มันถึงไม่สำเร็จ
เพราะไม่มีการยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน
ใช้อำนาจเป็นใหญ่การปกครองถึงไปไม่รอด
กรณีที่ 4 (สุดท้ายแล้วค่ะ)
การทำงานที่มีประสิทธิภาพ
เนื่องจากคนไทยไม่มีระเบียบวินัยในการทำงาน ทำบ้าง
ไม่ทำบ้าง
นอกจากงานตัวเองไม่เสร็จแล้วก็ยังส่งผลกระทบต่อคนอื่นด้วยและเป็นปัญหาลูกโซ่ต่อไป.....................
ก็อย่างที่ยกตัวอย่างนะคะ
มันอาจจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ |
|
|
|
|
|